ตำนานแห่งการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ
ยุคกรีกโบราณนิยมไว้ผมยาวสลวย.
ยุคกรีกโบราณนิยมไว้ผมยาวสลวย.
เคยมีการสำรวจความคิดเห็นจากหนุ่มๆจำนวนมากในอังกฤษ พบว่า หนุ่มส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงผมยาว แล้วก็ไม่ต้องเซต หรือทำทรงอะไรให้เกินเลยมาก เพราะที่ผู้คนมองมาแล้วชอบมากที่สุด คือ ผมที่ปล่อยแบบธรรมชาติ ยิ่งดูงามตามธรรมชาติเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเสน่ห์ มากขึ้นเท่านั้น แต่การจะทำให้ผมสวย ดูดี และมีสุขภาพอย่างเป็นธรรมชาติ ต้องทำยังไงกัน ตามมาดู เรามีเคล็ดลับมาบอก
อันว่า ผมสวย คุณภาพดีนั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่บอกว่า ต้องดีมาตั้งแต่ภายใน รวมถึงหนังศีรษะ ซึ่งตั้งแต่อดีตกาลมาแล้ว ที่ทั้งหญิงและชาย ต่างก็พยายามหากลเม็ดเคล็ดลับต่างๆที่จะมาเป็นตัวช่วยทำให้ ทั้งเส้นผมสวยและหนังศีรษะสุขภาพดีกัน เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่คนเราเริ่มมองเห็นความสวยงามของกันและกัน เส้นผมนี่แหละ ที่เป็นหนึ่งในตัวชูโรง ที่จะทำให้ดูดีหรือดูแย่ก็ได้ ถ้าสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะดี ไม่มีรังแคมากวนใจให้ต้องอายใคร ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจ ไม่ต้องคอยหามุมหลบเลี่ยงกลัวคนอื่นจะมาเห็นว่าเราผมเสีย ขยับตัวทีก็มีรังแคร่วงกราวเหมือนเกล็ดหิมะโปรยปรายบนศีรษะ จะเลือกเสื้อใส่แต่ละทีก็ต้องหาแต่ที่สีอ่อน อยากจะใส่สีเข้มก็ไม่ได้เพราะกลัวคนเห็นว่ามีรังแคเกาะไหล่ เป็นเหมือนนางร้ายคอยขโมยซีนนางเอก ทำให้บุคลิกภาพที่เคยมาดมั่นผึ่งผายต้องเสียไปอย่างไม่น่าให้ อภัย
ดัง นั้น ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณที่ไม่ว่าหนุ่มหรือสาว ต่างก็ไว้ผมยาวๆกันทั้งนั้น ก็เลยต้องหาวิธีรักษาสภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้ดีที่สุด และอาจจะเป็นโชคดีของชาวกรีกค่ะ ที่แถวๆนั้นมีต้นมะกอกอยู่เยอะ และน้ำมันมะกอกนี่เองที่กลายเป็นเคล็ดลับผมสวยตั้งแต่หลาย พันปีก่อน แถมยังทำได้ง่ายๆไม่เสียเวลามากนัก คือแค่ใช้น้ำมันมะกอกหมักผมชั่วครู่ ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำเปล่า แค่นี้หนุ่มสาวชาวกรีกก็ได้ผมสลวย มีน้ำหนัก ไม่ชี้ฟู และยังดีต่อหนังศีรษะ เรียกว่าไม่มีรังแคมากวนใจกันเลยทีเดียว เพราะน้ำมันมะกอกมีวิตามินอีสูง ช่วยบำรุงผิวหนัง และหนังศีรษะได้เป็นอย่างดีด้วย
เลย ไม่แปลก ที่เราจะเห็นภาพวาด หรือภาพสลักของชาวกรีกโบราณ ที่แต่ละคนผมสลวยสวยเก๋กันไปเกือบทั้งหมด ก็เพราะมะกอกอันเป็นต้นไม้ที่มีความเชื่อกันว่า เทพีอธีนาเป็นผู้มอบให้เป็นของขวัญแก่ชาวเมืองเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีกนั่นเอง และบางคนยังอาจจะมีสูตรพิเศษ เช่น ผสมน้ำมันมะกอกกับน้ำผึ้งก่อน ก็จะยิ่งช่วยบำรุงผมและหนังศีรษะให้ดียิ่งขึ้น
ว่า กันว่า สูตรผมสวยด้วยน้ำมันมะกอกนี้ ยังยืนยาวและถ่ายทอดมาถึงผู้หญิงที่เลอโฉมที่สุดคนหนึ่งในหน้า ประวัติศาสตร์นั่นคือ พระนางคลีโอพัตรา แห่งอียิปต์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจอมกษัตริยาที่มีพระเกษางดงามมากที่สุด พระองค์หนึ่ง
มี บันทึกว่า พระนางคลีโอพัตราเอง ก็ใช้น้ำมันมะกอกในการช่วยบำรุงผม และยังเสริมสูตรใหม่ๆเข้าไป เช่น การใช้น้ำมันมะพร้าว ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับที่สาวๆในดินแดนภารตะใช้กันเยอะ เลยไม่แปลกเหมือนกันที่คนอินเดียผมดกดำเป็นเงางาม ไม่ค่อยจะมีใครผมแห้งเสียให้หงุดหงิด ก็เป็นเพราะภูมิปัญญาโบราณแต่เก่าก่อน ที่ยังคงใช้กันมาจนปัจจุบันนี่แหละค่ะ
ส่วนคนที่มีเวลา หรือพิถีพิถันหน่อยอาจจะเพิ่มสูตรลับ เช่น ใช้มะขามป้อมมาทอดในน้ำมันมะพร้าว แล้วเอามาหมักผม นอกจากจะให้ความเงางามสวยแล้ว ยังเป็นการบำรุงหนัง ศีรษะได้เป็นอย่างดี เพราะมะขามป้อมมีวิตามินซีสูง และยังอาจ จะเสริมด้วยน้ำนมข้าวที่มีโปรตีน ช่วยบำรุงให้ผมแข็งแรงด้วย
แต่ ถ้าหันมาทางชาวจีนและญี่ปุ่น มักจะเน้นการบำรุงเส้นผมจากภายในมากกว่าคือ บำรุงจากอาหารที่รับประทาน ซึ่งอาหารที่ดีสำหรับผมคือ งาดำ ที่มีวิตามินอีสูง ช่วยบำรุงได้ทั้งผิวพรรณ และช่วยเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง
เล่า เรื่องต่างชาติมาเยอะแล้ว จะไม่เล่าถึงภูมิปัญญาไทยเลยก็กระไรอยู่ คนไทยเราและเพื่อนบ้านในละแวกนี้บำรุงผมกันด้วยสิ่งที่เรา รู้จักกันดี คือ น้ำมะกรูดนั่นเองค่ะ น้ำมะกรูดนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เส้นผมมีคุณภาพดีขึ้น แต่ยังมีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการคันศีรษะ และป้องกันรังแคได้ชะงัดด้วย และจะว่าไปเจ้ารังแคนี่แหละค่ะ เป็น “ตัวร้าย” สำคัญเลยทีเดียว สาวๆ หรือหนุ่มๆหลายคนที่เพียรพยายามรักษาผมให้สวยด้วยกรรมวิธีต่างๆ มากมาย แต่ลืมดูแลหนังศีรษะ รังแคตัวร้ายก็เลยมากวนใจ
มี สถิติน่าสนใจว่า ราวๆ 60% ของคนทั่วโลกประสบปัญหาเกี่ยวกับรังแค ส่วนใหญ่ผู้ชายจะเจอปัญหามากกว่า คือ 6 ใน 10 คน เจอรังแคมารบกวน ในขณะที่ผู้หญิงโชคดีมีรังแคน้อยกว่า คือประมาณ 5 ใน 10 คนที่มีปัญหานี้ ก็เลยต้องหาทางจัดการกันใหญ่ ซึ่งหากเป็นยุคโบราณก็ไม่ลำบากมาก เพราะสูตรลับต่างๆที่ว่ามานี้ บำรุงทั้งผมและหนังศีรษะได้พร้อมๆกันเป็นอย่างดี แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีเวลาไปตามหาสูตรโบราณก็อาจจะ ลำบากสักนิด เพราะแชมพูส่วนใหญ่ก็เน้นไปที่การดูแลผมมากกว่าการดูแลหนัง ศีรษะ หรือแก้ปัญหารังแค แต่ก็แอบได้ยินมาว่า ตอนนี้มีการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมใหม่ในการบำรุงผม และหนังศีรษะให้ดีไปด้วยกัน เรียกว่า “นูเทรียม 10” ซึ่งคิดค้นจากศูนย์วิจัยประเทศฝรั่งเศส แถมยังได้รับการยอมรับจากสถาบัน The International Academy of Cosmetic Dermatology (IACD)
เจ้า “นูเทรียม 10” เป็นผลมาจากการพัฒนาที่ยาวนานถึง 4 ปี จนได้ประสิทธิภาพในการขจัดรังแค พร้อมทั้งบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ เกิดจากการรวมกันของสารบำรุงผมทั้งวิตามินและเกลือแร่จำนวน 10 ชนิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงแบบซึมลึกเข้าไปถึงเซลล์ชั้น ล่างๆของหนังศีรษะถึง 3 ชั้น เรียกว่า ใช้แป๊บเดียวก็เห็นผล และไม่ต้องลำบากลำบนเหมือนคนสมัยก่อน
นี่ถ้าหนุ่มสาว จากยุคโบราณมาเจอเข้า เห็นทีจะบ่นอุบว่า ทำไมสมัยโน้นไม่มีแบบนี้บ้างนะ ปล่อยให้เสียเวลาบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะเป็นนานสองนาน
ของใหม่ๆก็ดี และเร็วกว่าของเก่าๆแบบนี้นี่แหละ เราถึงได้เรียกพัฒนายังไงล่ะ